การเก็บรักษาไวน์แดงที่ถูกวิธี

การเก็บรักษาไวน์แดงที่ถูกวิธี ไม่ให้เสียรสชาติ

การคงคุณภาพไวน์แดงให้พร้อมสำหรับการดื่มในอนาคต

ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน และมีกรรมวิธีการเก็บที่พิถีพิถันเช่นกัน ไวน์ที่บ่มจนได้รสชาติกลมกล่อมแล้วจะมีขั้นตอนการเก็บเพื่อคงรสชาตินั้นไว้ การรู้ถึงวิธีการเก็บไวน์ที่ถูกต้อง เหมาะสม จึงเป็นการคงคุณภาพของไวน์เอาไว้ ทั้งในด้านรสชาติ กลิ่นสัมผัส และสีสัน ซึ่งไวน์ที่นิยมดื่มมีอยู่หลายประเภท แต่ที่คนรู้จักกันดีและนิยมดื่ม คือ ไวน์แดงและไวน์ขาว การเก็บรักษาไวน์ทั้ง 2 ชนิดนี้มีความคล้ายกัน แต่จะมีข้อแตกต่างกันที่อุณหภูมิ เนื่องจากรสชาติของไวน์ขาวจะกลมกล่อมที่สุดเมื่อมีความเย็น หรือทำให้เย็นก่อนดื่ม ทำให้การเก็บไวน์ขาวต้องคำนึงถึงอุณหภูมิ และเก็บในที่ที่อุณหภูมิต่ำกว่าไวน์แดง ส่วนไวน์แดงจะเน้นการเก็บที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งในการเก็บไวน์แดงมีข้อควรรู้ในการเก็บ ดังนี้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเก็บรักษาไวน์

การปิดจุกคอร์ก (Cork) ของไวน์

จุกคอร์ก (Cork) สำหรับป้องกันการเสียรสชาติของไวน์

การเก็บรักษาไวน์ให้สามารถคงรสชาติ สี และกลิ่นดั้งเดิมเอาไว้ได้ ผู้เก็บควรทราบปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียรสชาติและเสื่อมคุณภาพ โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนของสี กลิ่น และรสชาติ มีดังนี้

อุณหภูมิ: อุณหภูมิห้องที่มีความเย็นเหมาะสม

อุณหภูมิมีผลอย่างมากต่อการเก็บรักษาไวน์ โดยปกติการเก็บไวน์ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่ควรตรวจสอบสภาพอากาศของอุณหภูมิห้องก่อนการเก็บเช่นกัน อุณหภูมิของไวน์ขาวจะต้องต่ำกว่าไวน์แดง ซึ่งการเก็บไวน์แดงจะต้องมีอุณหภูมิห้องประมาณ 12 – 18 องศาเซลเซียส เพื่อคงรสชาติของไวน์ไม่ให้ฝาดเฝื่อน เปรี้ยวโดด หรือมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์มากเกินไป

แสง: แสงน้อยดีต่อไวน์ที่สุด

แสงที่ตกกระทบกับไวน์และขวดไวน์มีผลต่อการเปลี่ยนสีและรสชาติของไวน์ โดยไวน์แดงมักจะนิยมผลิตขวดให้มีสีทึบหรือสีดำเพื่อป้องกันการเข้ามาของแสงแดด โดยเฉพาะ UV ที่จะซึมเข้าสู่น้ำของไวน์และเร่งการบ่ม ทำให้ไวน์สุกเร็วกว่าที่ควร ส่งผลให้รสชาติของไวน์แดงผิดเพี้ยนไป

 ความชื้น: ความชื้นในระดับพอดีเพื่อจุกคอร์กไวน์

ความชื้นในการเก็บไวน์ส่งผลต่อ 2 ส่วน คือ จุกคอร์กและฉลากไวน์ โดยความชื้นที่น้อยกว่า 50% จุกคอร์กจะเสื่อมสภาพ แห้งกรอบ และยุบตัว ทำให้อากาศสามารถผ่านเข้าไปและทำลายสีสัน รสชาติ และกลิ่นธรรมชาติของไวน์ รวมไปถึงการที่ตะกอนของจุกคอร์กอาจร่วงลงไปในไวน์ ทำให้ไวน์เสียง่ายขึ้น  ขณะที่หากความชื้นมากกว่า 70% จะทำให้ฉลากไวน์เปื่อยยุ่ย

กลิ่น: กลิ่นอื่นไม่ควรปนในที่ที่เก็บไวน์

การเก็บรักษาไวน์จะต้องระวังเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ เนื่องจากไวน์สามารถดูดซับกลิ่นได้ โดยเฉพาะไวน์ที่มีการเปิดดื่มแล้ว การเข้ามาของกลิ่นจะทำให้ไวน์มีกลิ่นผิดเพี้ยนจากเดิม และอาจส่งผลต่อรสชาติของไวน์ด้วย ก่อนการเก็บรักษาจึงควรระวังเรื่องกลิ่นอับ และเมื่อเก็บไวน์ที่เปิดดื่มแล้วควรปิดให้สนิท ป้องกันการเกิดกลิ่นภายในขวดไวน์

การสั่นสะเทือนไวน์ชอบความนิ่งของน้ำไวน์ภายในขวด

ไวน์ที่สามารถคงคุณภาพเอาไว้ได้คือไวน์ที่มีการสั่นสะเทือนน้อย การเก็บไวน์จึงควรเก็บในที่ที่ไม่ก่อให้เกิดการสั่นของพื้นผิว และควรเก็บโดยหันก้นขวดไวน์ไว้ข้างนอก เพราะเมื่อจะดื่มสามารถอ่านรายละเอียดได้เลย ไม่ต้องหยิบขวดไวน์ออกมา การเก็บในตู้เย็น ควรตรวจสอบระดับความสั่นสะเทือนของตู้เย็นก่อน เพื่อให้ไวน์สามารถบ่มในขวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเก็บรักษาไวน์ที่เปิดดื่มแล้ว

ช้นวางไวน์

การวางไวน์มีผลต่อการเก็บรักษาไวน์

ไวน์ที่เปิดดื่มแล้วเป็นไวน์ที่มีออกซิเจนเข้าไปเจือปนในระหว่างการเปิดดื่ม เพราะฉะนั้นไวน์เหล่านี้จะต้องรีบดื่มให้หมดในเวลา 3 – 5 วัน เพราะหลังจากนี้รสชาติของไวน์อาจเปลี่ยนไปได้ หลังการเปิดควรเก็บรักษาไวน์ ดังนี้

  • ปิดจุกไวน์ให้สนิทด้วยจุกคอร์ก หรือสต็อเปอร์ (Stopper) เพื่อป้องกันออกซิเจนเข้าไปในขวดมากจนเกินไป
  • แช่ในตู้เย็น หรือตู้แช่ไวน์ เพื่อรักษาอุณหภูมิให้พอดีกับไวน์ อาจตั้งไว้ในอุณหภูมิห้องหากอุณหภูมิไม่เกิน 18 องศาเซลเซียส
  • ตั้งไวน์ให้นอนไปกับพื้น ให้จุกคอร์กสัมผัสกับไวน์ เพื่อเพิ่มการป้องกันอากาศที่อาจเข้าไปในขวดไวน์

การเก็บไวน์แดงให้ถูกวิธีเป็นวิธีการคงรสชาติ กลิ่น และสีอันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์แต่ละขวดเอาไว้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์ หรือผู้ที่ต้องการชิมรสชาติไวน์แท้ ๆ สามารถมาชิมได้ที่ร้านอาหาร Water Library โดยที่ร้านมีการเก็บไวน์ที่มีมาตรฐาน คงความกลมกล่อมของไวน์ไว้ได้ครบถ้วน พร้อมซอมเมอลิเย (Sommelier) ที่พร้อมให้คำแนะนำแก่นักดื่มทุกท่าน

 

ขอขอบคุณสาระดีๆจากเพจ waterlibrary ครับ ^_^

Visitors: 91,777