Oranjii

 ตั้งแต่วงการบุฟเฟ่ต์เป็นที่ฮือฮาและโดนใจสำหรับสายหิว เราก็หาโอกาสขยายพุงกันแบบไม่หยุด และในที่สุดก็ได้มาเจอร้านบุฟเฟ่ต์ที่มีรายการอาหารแน่นแบบไม่ได้มาเล่นๆ นั่นก็คือร้าน Oranjii - Japanese yakiniku & shabu ซึ่งตอนนี้ทางร้านมี 2 สาขาคือ "ซอยพหลโยธิน 11" และ "สี่แยกสะพานควาย" ในครั้งนี้ทีมงานมีโอกาสมาลองบุฟเฟ่ต์ของสาขาสี่แยกสะพานควายค่ะ ซึ่งร้าน Oranjii จะมาในรูปแบบคอนเซ็ปต์เจ้าชายยากิและเจ้าหญิงชาบู ให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงได้ทานเมนูบุฟเฟ่ต์กันแบบราชาจนเพลิดเพลินกับขบวนอาหารที่เยอะจนแทบจะชิมไม่ครบ โดยทางร้านจะมีทั้งบุฟเฟ่ต์ A La Carte ปิ้งย่าง ชาบู ซูชิ ซาซิมิและอาหารญี่ปุ่น ด้วยวัตถุดิบพรีเมี่ยมรสชาติเฉพาะตัว ในราคาที่ทานได้ทุกวันโดยเริ่มตั้งแต่ราคา 399 บาท ก็สามารถฟินชาบูระดับพรีเมี่ยมได้เต็มที่ 90 นาทีเลยค่ะ

การเดินทาง

          ร้าน Oranjii - Japanese yakiniku and shabu ตั้งอยู่ที่หัวมุมสี่แยกสะพานควาย มีจุดสังเกตคืออยู่หลังป้อมตำรวจใต้สะพานลอยค่ะ สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถโดยสารรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงสถานีสะพานควาย ใช้ทางออก 2 จากนั้นเดินตรงมาทางสี่แยกสะพานควาย ระยะทางประมาณ 500 เมตร เดินผ่านโรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล และบิ๊กซี สาขาสะพานควาย เมื่อถึงแยกสะพานควาย ให้ข้ามสะพานลอยจะถึงหน้าร้านพอดีค่ะ หรือหากใครไม่สะดวกเดินเท้า สามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์ในราคา 20 บาท

          หากใครเดินทางด้วยรถส่วนตัว ถ้ามาจากทางตลาดนัดจตุจักร ให้ขับตรงมาบนถนนพหลโยธิน จนถึงสี่แยกสะพานควาย ร้านจะอยู่ตรงฝั่งข้ามทางซ้ายมือค่ะ หรือถ้ามาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อขับรถตรงมาบนถนนพหลโยธิน จนถึงสี่แยกสะพานควาย ร้านจะอยู่ทางขวามือหลังป้อมตำรวจ

          สำหรับลูกค้าที่ต้องการที่จอดรถ บริเวณใกล้เคียงจะมีที่จอดรถ 2 จุดด้วยกัน จุดแรกคือที่รับฝากรถฝั่งตรงข้ามตึกของร้านติดกับถนนสาลีรัฐวิภาค ราคาอยู่ที่ 20 บาท / 1 ชั่วโมง จุดที่สองคือบิ๊กซี สาขาสะพานควาย ราคา 10 บาท / 3 ชั่วโมงค่ะ 

 

 

 

 

 

 

บรรยากาศภายในร้าน

          Oranjii สาขาสี่แยกสะพานควายถูกตกแต่งในรูปแบบสไตล์ โชว์ผนังสีดำเสริมความเท่ห์แกร่ง และเพิ่มความสว่างด้วยหลอดไฟสลัวๆ ให้อารมณ์เหมือนได้นั่งทานร้านบุฟเฟ่ต์ในบรรยากาศร้านคาเฟ่เลยค่ะ โดยทางร้านรองรับลูกค้าได้ประมาณ 60-65 คนค่ะ

 

 

 

เครื่องปรุงครบชุดมีไว้ให้ที่โต๊ะเรียบร้อยค่ะ

นอกจากที่นั่งดูสบาย ยังมีที่ดูดควันด้วยค่ะ

เตรียมแปลงร่างเป็นเจ้าหญิงทานปิ้งย่าง-ชาบูกันเลยค่ะ

 

เมนูและราคา

          เมนูของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบบุฟเฟ่ต์และ A La Carte ในส่วนของบุฟเฟ่ต์นั้นจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 ราคา คือ Premium Set (399 บาท), Platinum Set (499 บาท), Princess Set (599 บาท) และราคาที่เพิ่งอัพเดทใหม่ล่าสุด จัดเต็มกันไปเลยกับ Prince Set ในราคา 1,999 บาท ซึ่งเมื่อลูกค้าทานบุฟเฟ่ต์ในราคาใดก็ตาม จะสามารถสั่งอาหารได้ทุกเมนูของบุฟเฟ่ต์ที่ราคารองลงมาได้ โดยราคาอาหารทั้งหมดรวมเครื่องดื่มรีฟิลและของหวานแล้ว สำหรับเครื่องดื่มนั้นมีให้เลือกทั้งหมด 8 อย่าง ดังนี้ น้ำส้ม พั้นซ์ ลิ้นจี่ แอปเปิ้ล ชาจีน ชาเขียว (ร้อน, เย็น) เอสโคล่า และน้ำเปล่า ระยะเวลาในการสั่งและทานอาหารทั้งหมด 90 นาทีค่ะ 

          โดยในทุกเซ็ตราคาสามารถเลือกได้ว่าต้องการทานยากินิกุหรือชาบู หรือต้องการทานพร้อมกันทั้ง 2 แบบทางร้านก็มีบริการค่ะ โดยเตาจะแตกต่างกันในส่วนของหม้อและเตา ที่ทางร้านมีให้เลือกถึง 6 แบบ (แตกต่างกันในแต่ละสาขา) สำหรับคนที่ต้องการทานชาบูทางร้านจะมีน้ำซุปให้เลือกทั้งหมด 4 ซุป ดังนี้ ซุปสาหร่าย, ซุปสุกี้, ซุปกระดูกหมู (+100 บาท), ซุปต้มยำ (+100 บาท)

          น้ำจิ้มที่ร้านจะมีทั้งหมด 6 แบบคือ “น้ำจิ้มโอเรนจิ” (น้ำจิ้มปิ้งย่าง) ถือว่าเป็นน้ำจิ้มยอดนิยมของสายปิ้งย่างค่ะ “น้ำจิ้มสุกี้” จะมีพริก กระเทียม มะนาว คอยให้ปรุงเพิ่มเติมความแซ่บ “น้ำจิ้มงาขาว” ช่วยเพิ่มความหวานหอมให้เนื้อหมูได้ดีค่ะ “น้ำจิ้มพอนสึ” รสชาติออกเปรี้ยวๆ สไตล์ญี่ปุ่น “น้ำจิ้มแจ่ว” สำหรับคนชอบรสชาติไทยสไตล์อีสาน และ “น้ำจิ้มซีฟู้ด” เหมาะกับเพิ่มความจัดจ้านให้ซีฟู้ดชิ้นโปรดค่ะ 

          หรือหากใครอยากจะทานแบบเบาๆ ทางร้านก็มีเมนู A La Carte ให้เลือกทานได้กันตามใจชอบ ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น โดยมีเมนูข้าวหน้า ราเม็ง แซลมอน และของทอด ราคาอาหารทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 65-800 บาท

 

เตา

          เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ที่เด่นเรื่องเตาและมีให้เลือกเยอะทีเดียวค่ะ ไม่ว่าใครจะต้องการเตาแบบไหนมาที่ร้านโอเรนจิน่าจะตอบโจทย์สำหรับทุกท่าน แถมหมดห่วงเรื่องเนื้อที่จะสุกไม่ทันใจ เพราะเตาแต่ละแบบถูกออกแบบให้เนื้อสุกไวทันใจ มีความสุกจากเตาให้เลือกหลายระดับตามความชอบ แถมพื้นที่เตาค่อนข้างกว้างสายปิ้งย่างเตรียมวางเนื้อชิ้นโปรดให้เยอะจุใจกันไปเลยค่ะ

 

(จากซ้ายแถวบน) YAKI-BU เตาย่างไม่ร้อนแรงมาก / SHABU หม้อชาบู 2 ช่อง / YAKINIKU เตาย่างร้อนแรง
(จากซ้ายแถวล่าง) YAKINIKU เตาย่างหินภูเขาไฟ / YAKINIKU เตาย่างร้อนแรง / YAKI-BU เตาย่างร้อนแรง

 

SHABU เหมาะสำหรับสายชาบู (มีทั้งสาขาพหลโยธิน 11 และสี่แยกสะพานควาย)

          ลักษณะจะเป็นหม้อชาบูสามารถใส่ได้ 2 ช่อง สำหรับคนที่เป็นสายชาบูตัวตริง แนะนำให้ใส่ผักช่องกลางอุณหภูมิที่มีความสูงเพื่อผักจะได้นิ่มอร่อยกำลังดี ส่วนช่องรอบๆ เหมาะสำหรับจุ่มเนื้อ ซึ่งบริเวณรอบๆ อุณหภูมิจะไม่สูงเกินไปเนื้อจึงได้ความนุ่มและไม่แข็งค่ะ

YAKI-BU เป็นเตาย่างร้อนแรง (มีเฉพาะสาขาพหลโยธิน 11)

          โดยถูกออกแบบให้นำเนื้อมาย่างตรงกลาง ส่วนบริเวณรอบๆ จะเป็นประเภทชาบูสำหรับใส่ได้ 1 ซุปค่ะ เรียกได้ว่าเป็นหม้อที่ทำให้คนรักปิ้งย่างและชาบูแบ่งปันกันทานได้อย่างเพลิดเพลินแน่นอนค่ะ

YAKINIKU เตาย่างร้อนแรง (มีเฉพาะสาขาพหลโยธิน 11)

          เตาย่างเทฟลอนเหมาะสำหรับเจ้าหญิงเจ้าชายสายปิ้งย่าง ใครต้องการให้เนื้อชิ้นโปรดสุกเร็วทันใจแนะนำให้เลือกทานปิ้งย่างกับเตา YAKINIKU ซึ่งจะมีที่สาขาพหลโยธิน 11 ค่ะ

YAKINIKU เป็นเตาย่างหินภูเขาไฟ (มีทั้งสาขาพหลโยธิน 11 และสี่แยกสะพานควาย) 

          ใครที่รักปิ้งย่างในความสุกระดับน้อยถึงกลาง อยากให้ลองเลือกเตาปิ้งย่างแบบนี้ค่ะ รับรองว่าจะได้เนื้อที่สุกแบบตรงใจ

YAKI-BU (มีเฉพาะสาขาสี่แยกสะพานควาย)

          เป็นอีกเตาที่เหมาะกับคนชอบปิ้งย่างและชาบู ซึ่งด้านบนตรงกลางจะเหมาะกับสายปิ้งย่าง ส่วนรอบๆ เป็นช่องใส่ชาบู ขนาดค่อนข้างกว้างทำให้ใส่ชาบูได้เยอะ และสามารถทานน้ำซุป 2 แบบได้พร้อมกันค่ะ

YAKINIKU เตาย่างร้อนแรง (มีเฉพาะสาขาสี่แยกสะพานควาย)

          ใครรู้ตัวว่าเป็นสายปิ้งย่างตัวจริงต้องเลือกเตาสไตล์นี้เลยค่ะ สามารถวางเนื้อต่างๆ หรือจะเป็นซีฟู้ดกันจุใจไปเลย สุกไวทันใจแบบนี้รับรองว่าได้ทานบุฟเฟ่ต์กันคุ้มค่าถูกใจไปเลยค่ะ (*เฉพาะบุฟเฟ่ต์ชุด Prince Set (1,999 บาท) จะมีกลิ่นหอมจากถ่าน ช่วยเพิ่มความหอมให้เนื้อมากยิ่งขึ้นค่ะ)

 

Premium Set (399 บาท)

          เซ็ตเริ่มต้นสำหรับลูกค้าที่ต้องการทานเฉพาะปิ้งย่างและชาบูแบบเบาๆ ไม่ได้เน้นอาหารญี่ปุ่นมากนัก เมนูมีให้เลือกทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว ผัก เครื่องเคียง ข้าวหน้า ของทอด และขนมหวานอย่างไอศกรีมอีกด้วยค่ะ สำหรับไอศกรีมจะเป็นไอศกรีมรสนมฮอกไกโดค่ะ

 

 

เนื้อหมู

 
  • หมูสันคอ
  • หมูสามชั้น
  • หมูบดทรงเครื่อง​
  • หมูบดสาหร่าย
  • ตับหมู
  • หมูสันนอก

เนื้อวัว

 
  • เนื้อน่อง​ลาย
  • เนื้อเสือร้องไห้

ของทอด

 
  • หอมทอด
  • เฟรนช์ฟราย​ส์
  • ไก่คาราเกะ

เมนูอาหารจานเดียว

 
  • ข้าวญี่ปุ่น
  • ข้าวหมูเทอริยากิ
  • ข้าวไข่ข้นไข่กุ้ง
  • ข้าวเนื้อเทอริยากิ

 

(จากซ้าย) หมูสันนอก, หมูสามชั้น และหมูสันคอ

(จากซ้าย) เนื้อเสือร้องไห้, เนื้อน่องลาย, ตับหมู

 

Platinum Set (499 บาท)

          เซ็ต Platinum 499 บาท จ่ายเพิ่มอีกนิดก็จะได้ทานเมนูพรีเมี่ยมที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากจะได้ทานทุกเมนูของราคา 399 บาท ยังมีอีกหลายรายการที่รับรองว่าถูกใจสายเนื้อแน่นอน แถมมีเมนูสลัดให้เลือกเพียบ รวมถึงซูชิเสิร์ฟเป็นช็อตให้ทานอย่างพอดีคำช่วยให้ทานสะดวกมากขึ้น ยิ่งทานคู่กับวาซาบิยิ่งเพิ่มรสชาติเข้ากันค่ะ แค่เลือกทานเซ็ตนี้ก็คุ้มค่ามากๆ สำหรับสายบุฟเฟ่ต์แล้วล่ะคะ

 

 

เนื้อวัว

 
  • เนื้อพิเศษโอเรนจิ
  • เนื้อริบอาย
  • เนื้อแกะ​
  • เนื้อโหนก
  • เนื้อใบพาย

เนื้อหมู

 
  • เบคอน​
 

ซีฟู้ด

 
  • ปลาดอลลี่
  • ปลาแซลมอนย่าง
  • กุ้งขาว
  • ลูกชิ้นกุ้ง​
  • ปลาหมึก
  • หอยตลับ
  • เกี๊ยวกุ้ง
  • ลูกชิ้นดัมเบล

ของทานเล่นและอื่นๆ

 
  • ถั่วแระ
  • วากาเมะ
  • กิมจิ​
  • ชีส
  • ยำสาหร่าย
  • เส้นแก้ว

อาหารจานเดี่ยว

 
  • สลัดผัก
  • มิโซะ
  • ยำแซลมอน​
  • สลัดปูอัดไข่กุ้ง
  • สลัดแซลมอน
  • ซูชิช็อต

 

เนื้อพิเศษโอเรนจิ (สามชั้น)

 เนื้อใบพาย (ด้านบน) และ เนื้อริบอาย (ด้านล่าง)

ยำแซลมอน

ปลาดอลลี่และหอยตลับ

ปลาแซลมอน

 

Princess Set (599 บาท)

          ความพรีเมี่ยมยังมีให้ติดตามกันอยู่เพราะเซ็ต 599 บาท เราจะได้ทานเนื้อนำเข้าเพิ่มขึ้น อย่างเช่นเนื้อวากิว วากิวลายหินอ่อน ออสเตรเลียที่ให้คนรักเนื้อสั่งปิ้งย่างแบบไม่ยั้ง แถมเซ็ตนี้ยังจุใจกับสายซูชิที่มีหน้าต่างๆ ให้เลือกมากขึ้น ใครที่เป็นสายแข็งทั้งเนื้อ ซูชิ ซีฟู้ด ต้องการความหลากหลายจัดเต็ม แนะนำให้เลือกทานเซ็ต 599 บาทค่ะ บอกเลยเซ็ตนี้เขามาแรงจริงๆ ค่ะ

 

 

เนื้อวัว

 
  • เนื้อลายหินอ่อน​
  • เนื้อวากิว

เนื้อหมู

 
  • คุโรบูตะ​
 

ซีฟู้ดพรีเมี่ยม

 
  • หอยเชลล์
  • หอยแมลงภู่ NZ​
  • กุ้งมีเปลือก (กุ้งขาวไซส์ใหญ่)
  • หอยนางรม

ของทานเล่น

 
  • ทาโกะยากิ
  • หอยเชลล์ทอด​
  • ปลาไข่เทอริยากิ
  • ไข่ตุ๋น

อาหารญี่ปุ่น

 
  • ซูชิสลัดปูอัด
  • ซูชิสลัดแซลมอน
  • ซูชิไข่กุ้ง
  • ซูชิเนื้อวากิวเผา
  • ซูชิแซลมอนเผา
  • ซูชิไข่หวาน
  • ไข่หวานซาซิมิ
  • แซลมอนซาซิมิ
  • ซูชิยำสาหร่าย
  • ซูชิปูอัด
  • ซูชิแซลมอน
  • ซูชิหอยเชลล์
  • ซูชิกุ้ง
  • ปูอัดซาซิมิ
  • แซลมอนเผา

 

วากิว (ซ้าย) และ ลายหินอ่อน (ขวา)

ทะเลพรีเมี่ยม กุ้งมีเปลือก หอยแมลงภู่ NZ Mussel หอยตลับ ปลาหมึก

แซลมอนซาซิมิ

ซูชิแซลมอน

แซลมอนอาบุริ

กุ้งมีเปลือกย่างร้อนๆ น่าทานมากค่ะ

 

Prince Set (1,999 บาท)

          Prince Set เป็นราคาที่เพิ่งอัพเดทใหม่ล่าสุด เหมาะสำหรับคนที่อยากจัดเต็มทั้งยากินิกุ ชาบู และอาหารญี่ปุ่น สำหรับเซ็ตนี้จะนอกจากสามารถทานได้ทุกเมนูในเซ็ตที่ผ่านมาแล้ว ทางร้านยังเพิ่มทั้งเนื้อญี่ปุ่นชิ้นโต เนื้อหมัก ซาซิมิ อาหารทะเล อาหารญี่ปุ่น และในส่วนของชาบูสามารถเลือกได้ทุกซุปโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เรียกได้ว่าสามารถเลือกทานครบทุกเมนูของทางร้าน พร้อมวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมอีกด้วยค่ะ

 

 

เนื้อวัวพรีเมี่ยม

          สำหรับสายปิ้งย่างที่ต้องการเนื้อแบบพรีเมี่ยม ขอบอกเลยไม่ควรพลาดกับไลน์เนื้อของทางร้านใน Prince Set เพราะทางร้านเพิ่มเนื้อนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นถึง 4 เมนู โดยมีให้เลือกทั้ง มันน้อย มันแทรกเนื้อ และมันเยอะตามความชอบของลูกค้า

  • Hokkaido Harami ハラミ เมนูนี้เหมาะกับคนที่ชอบทานเนื้อล้วนๆ เพราะไขมันน้อยกว่าส่วนอื่นและมีความนุ่มกำลังดี
  • Japanese Wagyu Ribu Rosu リブロース เนื้อส่วนที่มีความหนามากที่สุดและมีไขมันแทรกมากที่สุด ทางร้านเสิร์ฟมาชิ้นใหญ่น่าทานเลยค่ะ
  • Tokachi Wagyu Kata Bara かたばら สำหรับชนิดนี้จะเสิร์ฟมาชิ้นกำลังดี เป็นส่วนที่มีกล้ามเนื้อมากแต่ยังเป็นส่วนที่มีไขมันกำลังดี จึงให้ความนุ่มและไม่เหนียวเกินไปค่ะ
  • Prince Wagyu Karubi カルビ เนื้อติดร่องซี่โครงที่เลาะตัดเอ็นและกระดูกออก นำมาหมักซอสสูตรลับของทางร้าน ช่วยให้เนื้อนุ่มและมีความฉ่ำซอส โดยเสิร์ฟมาในไหที่ใช้หมักเนื้อค่ะ​​

 

ซีฟู้ด

  • ซีฟู้ดออนไอซ์ เสิร์ฟมาเป็นเซ็ต กุ้ง หอยโฮตาเตะ หอยเชลล์
  • หอยนางรมญี่ปุ่น ทางร้านนำเข้าหอยนางรมญี่ปุ่นสดๆ ตัวใหญ่ พร้อมกับเลมอนไว้ทานคู่กัน 
  • หอยสวรรค์ เมนูสุดพิเศษจากทางร้าน โดยนำหอยนางรมญี่ปุ่นใส่ในสาเก ใส่ในแก้วที่ทาเกลือรอบปากแก้ว เสิร์ฟพร้อมกับเลมอนฝานครึ่ง ช่วยเพิ่มรสชาติเปรี้ยวได้ดีเลยค่ะ
  • ปูไข่ดองน้ำปลา เมนูยอดฮิตที่หลายคนๆ ชื่นชอบกัน โดยทางร้านใช้ปูดำ เสิร์ฟมาครบทั้งกระดองทั้งกรรเชียง ได้ทานทั้งเนื้อและไข่ปูแบบเต็มคำ แต่สำหรับเมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟท่านละ 1 ตัวเท่านั้น แต่ถ้าหากใครอยากทานเพิ่ม สามารถสั่งในราคา A La Carte ได้ค่ะ
  • หอยเชลล์อบเนย 

อาหารญี่ปุ่น  
  • ซูชิ
    • ​ซูชิหอยนางรม
    • ซูชิปลาไหลเอนกาวะ
    • ซูชิปลาซาบะ
    • ซูชิช็อตพรีเมี่ยม
    • ซูชิปลาไหลไข่หวาน
    • ซูชิทูน่า

 

  • ซูชิปลาหมึกยักษ์ทาโกะ
  • ซูชิฟัวกราส์
  • ซูชิหอยปีกนก
  • ซูชิวากิว แซลมอน ไข่ปลาแซลมอน
  • ซูชิกุ้งเผาชีส
  • ซูชิไข่ปลาแซลมอน
  • ซาซิมิ
    • ​กุ้ง
    • หอยโฮตาเตะ
    • ปลาหมึกยักษ์ทาโกะ

 

  • ​หอยปีกนก
  • ปลาทูน่า
  • ปลาซาบะ​

 

​เครื่องดื่มและของหวาน

  • Sparkling
  • Umeshu
  • Sake
  • Draft Beer
  • น้ำส้มยูสุ (1 ท่าน/ขวด) ทางร้านนำเข้าเป็นพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น 
  • ขนมโฮมเมดจากคาเฟ่ Hwantsu Creative Cafe สับเปลี่ยนหมุนเวียนแตกต่างไม่ซ้ำกันในแต่ละวันค่ะ เช่น วันที่ Ryoii ไปทานที่ร้านจะเป็นทีรามิสุค่ะ

 

(จากซ้าย) Hokkaido Harami, Japanese Wagyu Ribu Rosu, Tokachi Wagyu Kata Bara, Gyu-Tan

Japanese Wagyu Ribu Rosu

Tokachi Wagyu Kata Bara

(จากซ้าย) ซีฟู้ดออนไอซ์, ปูไข่ดองน้ำปลา, เซ็ตซาซิมิ 

Sushi-Shot Premium

ซูชิปลาไหล

ซูชิฟัวกราส์

มันปูย่าง

หอยนางรมญี่ปุ่น

หอยสวรรค์

 

A La Carte 

          เมนู A La Carte เหมาะสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น โดยมีเมนูข้าวหน้า ราเม็ง แซลมอน สลัด และของทอด รวมแล้วกว่า 80 เมนู และในบางเมนูลูกค้าเลือกไซส์ได้ตามความต้องการ เช่น ราเม็ง ข้าวหน้า และแซลมอน โดยสามารถเลือกได้หลากไซส์ตั้งแต่ S, M, L และ XL 

 

ข้าวหน้าแซลมอนสด

ต้มยำกุ้งราเม็ง

 

สรุปเมนูรสชาติอาหาร

น้ำจิ้มงาขาว : หอมกลิ่นงาขาวคั่วรสชาติหวานนำ และช่วยเพิ่มความหอมให้เนื้อและหมูได้ดีค่ะ

น้ำจิ้มสุกี้ : รสชาติกำลังพอดี ไม่เปรี้ยวและไม่หวานจนเกินไปค่ะ

น้ำจิ้มแจ่ว : น้ำจิ้มแจ่วรสชาติกลมกล่อมสไตล์อีสาน และไม่หวานจนเกินไปค่ะ 

น้ำจิ้มซีฟู้ด : น้ำจิ้มซีฟู้ดรสชาติกำลังดี ไม่เผ็ดเกินและไม่เปรี้ยวไปค่ะ 

น้ำจิ้มโอเรนจิ : เหมาะกับคนไม่ชอบทานเผ็ดเลย และอยากให้รสชาติเนื้อมีความหวานขึ้นมาอีกนิดค่ะ

น้ำจิ้มพอนสึ : น้ำจิ้มพอนสึรสชาติเปรี้ยวกลมกล่อมกำลังดี

ข้าวกระเทียม : ข้าวกระเทียมได้ปริมาณเยอะ มีกลิ่นหอมของกระเทียมชัด และทางร้านโปะกระเทียมมาบนข้าวค่อนข้างเยอะค่ะ

ปลาไข่เทอริยากิ : ปลาค่อนข้างกรอบส่วนน้ำราดจะออกหวานนำค่ะ

เนื้อโหนก : เนื้อโหนกมีความนุ่ม และมีมันแทรกเล็กน้อยพอประมาณค่ะ

เนื้อพิเศษ : เนื้อพิเศษชิ้นบางพอประมาณแต่นุ่มค่ะ

เนื้อน่องลาย : เป็นเนื้อที่แน่น เวลาสุกจะค่อนข้างแข็งไม่เปื่อยไม่ยุ่ย และไม่มีกลิ่นคาว เหมาะสำหรับคนชอบทานเนื้อแน่นๆ ค่ะ 

ซูชิปลาไหล : ซูชิคำใหญ่ชิ้นหนากำลังดี หอมกลิ่นปลาไหลย่างและหวานติดลิ้นค่ะ

แซลมอนซาซิมิ : แซลมอนสดและหั่นมาชิ้นหนากำลังดีค่ะ

ไส้กรอกญี่ปุ่น : ไส้กรอกเนื้อจะกรุบกรอบเด้งและหอมเครื่องเทศค่ะ

ปูไข่ดอง : ปูไข่ดองไข่เยิ้มฉ่ำ ไข่ปูหวานนำแต่ขาดความเค็มไปนิดนึงค่ะ

ยำแซลมอน : แซลมอนสดชิ้นหนากำลังดี หากเพิ่มความเปรี้ยวของยำมาอีกนิดน่าจะลงตัวขึ้นค่ะ 

ชีสมอซซาเรลล่า : ชีสเข้มข้นเพิ่มความหอมมันให้เนื้อแต่ละแบบได้ดีค่ะ

Tokachi Wagyu Kata Bara かたばら : เนื้อแดงมีความเด้งและแน่น ไม่เหนียว อีกทั้งยังมีไขมันที่หนา แต่ไม่มากเกินจนทำให้เลี่ยนค่ะ

น้ำส้มยูซุ : น้ำส้มมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานกำลังดี ไม่เปรี้ยวโดดจนเกินไป และมีเนื้อส้มผสมอยู่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นได้อีกด้วยค่ะ

กุ้งออนไอซ์ : ขนาดตัวใหญ่กำลังดี ในส่วนของเนื้อกุ้งมีความกรอบ แน่นและมีรสชาติหวาน ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดช่วยเพิ่มรสชาติเปรี้ยวได้ดีเลยค่ะ

ฟัวกราส์ : แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่ รวมถึงรสชาติดีไม่มีกลิ่นคาว ทานคู่กับโชยุและวาซาบิช่วยเพิ่มรสชาติได้ ในส่วนของวาซาบินั้นเผ็ดกำลังดีและไม่ฉุนมากเกินไปค่ะ

หอยนางรมญี่ปุ่น : ตัวหอยนางรมมีขนาดใหญ่และมีความสด แต่ละตัวไม่มีกลิ่นคาว เมื่อทานคู่กับเลมอนทำให้มีรสชาติเปรี้ยวตัดเลี่ยนได้ในตอนท้าย

ทูน่าซาซิมิ : ทูน่ามีความสดและไม่มีกลิ่นคาว แต่ละชิ้นเมื่อทานเข้าไปแล้วจะได้ความรู้สึกของชั้นไขมันที่แทรกอยู่เป็นอย่างดี

ทีรามิสุรสนม : ทานแล้วรู้สึกนุ่มๆ เบาๆ ครีมเนียนนุ่ม รสชาติหวานลงตัวค่ะ

ทีรามิสุรสช็อกโกแลต : เนื้อเค้กมีความนิ่ม รสชาติของช็อกโกแลตมีความเข้มข้น ไม่หวานมากเกินไป 

ต้มยำกุ้งราเม็ง (250 บาท) : ในส่วนเนื้อกุ้งมีความกรอบ สด และมีขนาดใหญ่ เส้นราเม็งมีความนุ่ม ไม่เหนียว แต่รสชาติน้ำซุปอาจจะมีความเผ็ดโดดไปนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ทานเผ็ดค่ะ

ข้าวเนื้อย่างซีอิ๊วชีส (155 บาท) : ทางร้านเสิร์ฟมาปริมาณเยอะทั้งข้าว เนื้อ และชีส อีกทั้งยังได้รสชาติชีสชัดเจนเข้ากับเนื้อได้ดี ไม่กลบรสชาติของเนื้อมากเกินไป เมนูแนะนำสำหรับคนชอบทานชีสเลยค่ะ

ข้าวแกงกะหรี่ไข่ข้น (95 บาท) : ข้าวแกงกะหรี่ข้าวจะนุ่ม ปริมาณข้าวชามเดียวค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ ตรงซอสแกงกะหรี่ค่อนข้างหวานนำ ไข่เนื้อนุ่ม และแซลมอนมีชิ้นใหญ่ 

ข้าวหน้าหมูชาชู (95 บาท) : หมูชาชูชิ้นแผ่นกลมใหญ่ เนื้อค่อนข้างแน่น และโปะมาเต็มชามบนข้าวค่ะ

ข้าวหน้าแซลมอนสด (305 บาท) : แซลมอนมีจำนวนชิ้นเยอะและมีความสด มีความฉ่ำ อีกทั้งหั่นมาชิ้นหนา ใครที่ชื่นชอบแซลมอนขอแนะนำเมนูนี้อีกหนึ่งเมนูเลยค่ะ  

 

ข้าวหน้าแซลมอนย่างซีอิ๊ว (195 บาท) : เนื้อแซลมอนกับซีอิ๊วเข้ากันได้ดี ย่างได้สุกพอดีไม่แห้งจนเกินไป อีกทั้งยังฉ่ำด้วยซีอิ๊ว ทำให้ได้รสชาติหวานและเค็มควบคู่กันแบบเต็มคำ

 

จุดเด่นของร้าน Oranjii - Japanese yakiniku & shabu สาขาสี่แยกสะพานควาย

1. ร้าน Oranjii เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ที่มีไลน์อาหารให้เลือกเยอะมากทั้งบุฟเฟ่ต์ A la carte ปิ้งย่าง ชาบู ซูชิ ซาซิมิ และอาหารญี่ปุ่น ราเม็ง อาหารจานเดียว และที่นี่มีให้เลือกด้วยกัน 4 ราคา คือ ราคา 399 บาท, 499 บาท, 599 บาท และ 1,999 บาท (ราคาเป็น Net ไม่มีเซอร์วิสชาร์จ รวมเครื่องดื่มแล้ว) หากใครเป็นทั้งสายเนื้อและสายซูชิขอแนะนำให้ลองเลือกทานบุฟเฟ่ต์ราคา 599 บาทขึ้นไปค่ะ จะได้เต็มอิ่มจุใจกับซูชิหลากหลายหน้าและเนื้อพรีเมี่ยมอีกมากมายค่ะ

2. น้ำซุปของทางร้านมีให้เลือกทั้งหมดคือ “ซุปสุกี้” “ซุปสาหร่าย” ลูกค้าสามารถเติมได้ฟรี ส่วน 2 น้ำซุปคือ “ซุปกระดูกหมู” และ “ซุปต้มยำ” สำหรับลูกค้าที่ทานบุฟเฟ่ต์ราคา 399 บาท 499 บาท และ 599 บาท จะต้องเพิ่มอีก 100 บาทค่ะ ยกเว้นลูกค้าที่สั่งบุฟเฟ่ต์ราคา 1,999 บาท จะได้ทานซุปทั้ง 4 แบบฟรีค่ะ  

3. ที่ร้านจะมีเตาให้ลูกค้าเลือกหลายแบบ สำหรับสาขาสี่แยกสะพานควายจะมีหม้อชาบู 2 ช่อง เพื่อให้ลูกค้าได้ทานน้ำซุป 2 แบบในหม้อเดียวกัน และยังมีเตาย่างอีก 3 แบบเพื่อให้สายเนื้อได้ปิ้งย่างอย่างเพลิดเพลิน และเตามีขนาดกว้าง มีเนื้อที่วางอาหารเนื้อและซีฟู้ดได้มากค่ะ

4. ลูกค้าเดินทางมาที่ร้านสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS และให้ลงสถานีสะพานควาย (ทางออกที่ 2) จากนั้นเดินมาที่ร้านอีกประมาณ 10 นาที หรือนั่งวินต่อเข้ามาอีก 20 บาทค่ะ 

 

ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ

1. ลูกค้าที่ต้องการมาทานอาหารที่ร้าน แนะนำให้จองล่วงหน้า เพราะโต๊ะของทางร้านมีบริการจำนวนจำกัด และสำหรับลูกค้าที่ต้องการทาน Prince Set (1,999 บาท) จำเป็นต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น 

2. สำหรับลูกค้าที่ชำระด้วยบัตรเครดิตในส่วนของบุฟเฟ่ต์ จะต้องเสียค่าบริการบัตรเครดิตเพิ่มดังนี้ Premium Set (เงินสด 399 บาท, บัตรเครดิต/ เดบิต 449 บาท), Platinum Set (เงินสด 499 บาท, บัตรเครดิต/ เดบิต 549 บาท), Princess Set (เงินสด 599 บาท, บัตรเครดิต/ เดบิต 649 บาท) และ Prince Set (เงินสด 1,999 บาท, บัตรเครดิต/ เดบิต 2,149 บาท)

3. ทางร้านไม่มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่ได้นำรถยนต์ส่วนตัวมา แต่มีจุดบริการในบริเวณใกล้เคียงคือจุดรับฝากรถ และบิ๊กซีสาขาสะพานควายค่ะ

4. ลูกค้าที่มาในช่วงเวลาใกล้ปิดร้าน สามารถสั่งอาหารได้ 1 ชั่วโมงหลังจากเวลาร้านปิดไปแล้ว แต่นั่งทานได้จนครบ 90 นาที เป็นไปตามเวลาดังนี้ค่ะ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00-14.00 น. (Last Order 15.00 น.) และ 17.00-21.00 น. (Last Order 22.00 น.), วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 11.00-21.00 น. (Last Order 22.00 น.) 

 

 

          ด้วยคอนเซ็ปต์เจ้าชายยากิและเจ้าหญิงชาบู ทางร้านจึงบริการด้วยความใส่ใจ และพร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารนับไม่ถ้วนมากกว่าร้อยชนิด เพื่อให้ลูกค้าที่มานั้นเสมือนดั่งเจ้าหญิงและเจ้าชายที่มีความสุขในแต่ละมื้ออาหารของตนเอง ร้าน Oranjii - Japanese yakiniku & shabu ทั้ง 2 สาขา "ซอยพหลโยธิน 11" และ "สี่แยกสะพานควาย" จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการทานบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง ชาบู อาหารญี่ปุ่น และซาซิมิระดับพรีเมี่ยม วัตถุดิบคุณภาพสมราคา ที่สาวกบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นต้องไม่พลาดค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเพจ ryoiireview.com

ขอขอบคุณร้าน ORANJII ที่ไว้ใจใช้ตู้แช่จากทางร้านเดอะ เมเปิ้ลครับ ^_^

Visitors: 88,992