Renovate ตึกแถวเก่า ที่เคยขายอาหารตามสั่งให้เป็นร้านกาแฟ

กระทู้นี้ขอแชร์เป็นไอเดียแก่ผู้ที่สนใจ ให้เห็นตั้งแต่การเริ่มคิด ร่าง สร้าง จนกลายเป็นร้าน และจะแสดงให้เห็นถึงข้อดีจนถึงปัญหา เผื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง(ซึ่งคิดว่าไม่ถูกต้องทั้งหมดและไม่ได้ดีที่สุด)ได้นำไปใช้ต่อยอดทางความคิด ละกันครับ

งานนี้ได้เอาตึกแถวที่ตอนนี้ทำร้านอาหารตามสั่ง มาเปลี่ยนเป็นร้านกาแฟ โจทย์คือ ถูก สวย ดูไม่เหมือนร้านกาแฟอื่นๆ ด้วยทำเลที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียน และเป็นศูนย์กลางการสัญจร จึงอยากให้มีความสดใส เป็นจุดเด่น ด้วยการใช้สีเขียวมินต์ และด้วยความชอบ

หลังจากสรุปผลการวางผัง  และคิดกันว่า “ให้เน้นแนวคิดการตกแต่งมาจากการตลาดเพิ่มเติม”  เพราะจะทำให้ร้านมีเอกลักษณ์ให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายๆ คุยกัยอยู่นานสรุปแนวคิดก็ได้มาจาก 
1) เจ้าของร้านชื่อ "ต้น"  = TON    สามารถแยกความหมายออกมาเป็น 
                                    T = Tree    ต้นไม้ (เปรียบเสมือนชีวิต)
                                    T = Tea      ชา   ด้วยความ หมายแบบรวมๆ อาจจะนึกถึง "ต้นกาแฟ" /"ต้นชา"  หรือ  "ต้น เจ้าของร้าน" (ส่วน -ON  อยากให้เขียนแบบมีลูกเล่น เพื่อเป็นเรื่องราว การพูดคุยกับลูกค้า ถึงที่มาของชื่อร้าน ) เลยกลายเป็นที่มาของชื่อร้าน "T-ON COFFEE "
2)  ไอเดียความสนใจใน การทำ "Latte Art " ของเจ้าของร้าน คือ จังหวะที่มีความลื่นไหลของน้ำนม ในการสร้างลวดลาย ศิลปะบนหน้าแก้วกาแฟ เลยลองหาไอเดียที่บ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวาของต้นไม้
พอได้คร่าวๆ สิ่งที่สรุปต่อมาคือ จังหวะ(มาจากการ“เท”นมบนกาแฟ)ศิลป์(สู่งานตกแต่ง)  เลยลองหาไอเดียที่มีจังหวะ ลักษณะต้องคล้ายต้นไม้ บ่งบอกความเป็นกาแฟด้วย เลยได้ประมาณนี้

สรุปได้แล้วก็ถึงเวลาสร้างภาพจำลอง ให้เข้าใจตรงกัน รอบที่1

คุยกันแล้วปรับ 1.เคาน์เตอร์บาร์ของเก่าขวางทางเดิน
                         2.เลยต้องปรับดีไซน์ชั้นไม้
                         3.ใช้โครงไม้ให้น้อยลง
                         4.เปลี่ยนพื้นจากกระเบื้องยางลายไม้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาว
                         5.เปลี่ยนโครงรับน้ำหนักไม้ระแนงเป็นเหล็กกล่อง
                         6.เพิ่มหน้าร้าน  
จัดไป รอบที่2

ปรับอีกให้เพลินๆตา 1.ปรับเคาน์เตอร์ให้มีชั้นวางของ
                                  2.เปลี่ยนท็อปเคาน์เตอร์เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ
จัดไปอีกที รอบที่3

และเราก็มาดูกันครับว่าตกแต่งยังไง เริ่มแรกก็ย้ายของเดิมในร้านออก  ส่วนใหญ่คืออุปกรณ์ทำร้านอาหารนั้นละครับ และทำโครงฝ้าด้วยเหล็กซีลาย มีหลุมฝ้าเซ็ตขึ้นไปเกือบติดท้องพื้นชั้นลอย(ที่เห็นช่างเค้าเข้าไปส่องดู)  และตามความต้องการของเจ้าของร้านที่อยากติดTVแขวนผนัง  เลยต้องทำตัวรับน้ำหนักรองรับไว้ในอนาคต จุดที่ตีโครงเหล็กเป็นแผงๆนั้นละครับ

ในพื้นที่เพดานสูง  ก่อนอื่นก็ตั้งนั่งร้านกันเลย  แล้วก็ทำโครงเหล็กกล่อง 2”x4” ยึดตามเสา และผนังอาคาร และยึด 1”x3” เชื่อมต่อกัน เตรียมไว้สำหรับยึดระแนงไม้

ต่อมาก็เริ่มทาสีรองพื้นทับของเก่าทั้งฝ้า และผนังเดิมลามไปถึงชั้นลอยด้วย ส่วนฝ้ายิปซัมบอร์ดก็ยึดติดให้เกือบหมดแล้วฉาบโป๊วเก็บรอยต่อ แล้วก็เดินสายไฟร้อยท่อเพราะต้องทาสีทับ งานจะได้เนี๊ยบๆ

และแล้วก็เริ่มทาสีเทาในส่วนของผนังและฝ้าปูนด้านบน

งานสีก็เสร็จไปส่วนหนึ่ง ส่วนโครงเหล็กก็ทาสีดำเตรียมดำเนินงานต่อไป  

และแล้วก็ได้เวลาปูพื้นโดย เอานั่งร้านออกแล้วปูกระเบื้องแกรนิตโต้ทับพื้นเดิม

ใช้กระเบื้อง 60x60cm ตอนแรกอยากใช้ขนาด 80x80cm จะได้เห็นร่องยาแนวไม่มากเพราะเจ้าของร้านไม่ค่อยชอบตอนมันเก่าแล้ว แต่คนขายแนะนำว่า ถ้าขนาด 80×80cm ส่วนใหญ่ช่างปูได้ไม่เต็มแผ่น และมีโพรงด้านล่าง เลยเลือกมาเป็น 60×60 cm แทน

เริ่มติดตั้งประตูกั้นส่วนครัวเป็นบานเลื่อนกระจกใสกรอบไวนิลสีขาวตามความต้องการจากเจ้าของร้าน และด้วยความต้องการจากผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าของร้าน ที่คิดว่ามันสวย โดยการไปตกลงกับช่างเอง ซึ่งเจ้าของร้านมาทราบภายหลังติดตั้งเสร็จแล้ว (ว่างานเข้า )เลยทำให้รางเลื่อนจบงานกับประตูกั้นบันไดได้ไม่ดี 


ชั้นลอยก็เอาราวกันตกออกเปลี่ยนเป็นผนังโครงโลหะปิดด้วยแผ่นยิบซัม ใส่หน้าต่างบานเลื่อนซะหน่อย ตรงชั้นลอย ในอนาคตเจ้าของร้านคิดว่าจะเปิดเป็นมุมสปาเล็บ ตกแต่งเล็บ ไว้บริการสาวๆ หนุ่มๆ เพิ่ม

หน้าร้านก็จัดไป ใส่บานเลื่อนเหมือนกัน

ใช้ไฟราง LED สีดำ และเริ่มติดตั้งระแนงไม้ ตอนแรกเลือกใช้ไม้สนเพราะสีอ่อนและไม่แพงมาก แต่ด้วยในพื้นที่ ไม่สามารถหาซื้อ ไม้สนได้  เลยให้ผู้รับเหมาหาไม้ยางพาราหน้า 1”1/2 x 3” มาทำแทน

ชั้นไม้ก็ตีโครงชิดผนัง สังเกตว่าสูงไม่เท่ากันเพราะเวลาต่อไม้ที่มีความเอียง(องศาที่เท่ากัน)แต่ยาวไม่เท่ากันจะเกิดจังหวะขึ้นมา

ความเอียงของไม้จะมีรูปแบบซ้ำๆกันแค่เรียงจังหวะ ตอนดูภาพจำลองช่างบอกว่ายาก  เนื่องด้วยไม่ชำนาญ งานนี้เลยเขียนแบบทั้งร้านให้ดู

และแล้วปัญหาเริ่มเข้า ในแบบคือผนังโครงคร่าวไม้กรุไม้อัดยางปิดผิวด้วยลามเนต ก็ถูกเปลี่ยนเป็น โครงMDF ด้วยเหตุผลว่า “ใช้ไม้อย่างดี เป็นไม้ทำลำโพง” โดยผู้ใหญ่ และเจ้าของร้านเชื่อช่าง และไม่มีความรู้เรื่องไม้ เลยเกิดปัญหาในภายหลังติดเสร็จ

ในส่วนของเคาน์เตอร์กาแฟได้ก่อปูนและผูกเหล็ก (ไม่ทันได้ถ่ายรูป)

มีการทดสอบไฟ โดยเจ้าของร้านขอเปลี่ยนแสงไฟจาก คลูไวท์ทั้งร้าน เป็น วอร์มไวท์เฉพาะส่วนหน้าร้าน และสังเกตชั้นไม้ ช่างเซอร์ไพรส์อีกครัง หนึ่งในหุ้นส่วนร้านบอกว่า ได้เน้นย้ำกับทางช่างให้ทาเคลือบไม้แบบใสก็พอเพราะไม่อยากให้เข้ม แต่ก็เป็นแบบที่เห็นจัดมาด้วยสีไม้สัก และไม่แก้งานให้ด้วย  ช่างบอกเหตุผล เพราะว่า “เป็นสีไม้ที่สวยและนิยม” แม่จ้าวววววคือเค้าสรุปไปแล้วว่าพอใจกับสีเดิมของไม้ แต่เจ้าของร้านไม่อยากขัดใจ และอีกหนึ่งจุด ชั้นไม้และกล่องสีขาว จากแบบคือโครงคร่าวไม้กรุไม้อัดยางถูกเปลี่ยนเป็น MDF แต่ตรงนี้ไม่ว่าอะไรเพราะไม่ได้รับน้ำหนักมาก

ช่างเซอร์ไพรส์อีกรอบ สังเกตผนังซ่อนไฟ ไฟมันไม่ต่อเนื่องครับ สเปคไปเป็นหลอด T5 ในแบบวางช่องละ6หลอดตามภาพจริงครับ แต่ความยาวมันคือ 4ฟุต ไม่ใช่ 2ฟุต จะให้เปลี่ยนก็โดนค่าใช้จ่ายเพิ่ม(นี่คือความรับผิดชอบของช่างหรอ??)

ท็อปเคาน์เตอร์ปูกระเบื้อง แล้วมีการเว้นช่องเคาน์เตอร์ไว้ ที่มีบานเลื่อนคือถังน้ำแข็งสั่งทำ อีกจุดคืออ่างล้าง

เจ้าของร้านขอเปลี่ยนจากบานเปิดเป็นบานเลื่อน เนื่องจากจะได้ไม่แกะกะในการทำงาน ช่างจัดให้แต่สังเกตไม่มีตีนตู้ครับ คือเปลี่ยนแค่บานก็พอมั้ง เล่นเปลี่ยนจากแบบหมด อย่างนี้มีการเตะโดนบานเลื่อนแน่ๆ แถมบานตู้มีโอกาสโดนน้ำตอนทำความสะอาดพื้นอีก

เปลี่ยนประตูบานม้วน และมีระแนงไม้กั้นด้านข้างเพราะ ร้านข้างๆมีแผ่นโพลีคาร์บอเนตอยู่ก่อนแล้ว จึงทำไม้ระแนงขึ้นมา เพื่อบังมุมสายตาของร้านข้างๆ และเป็นมุมที่ให้ลูกค้านั่งสบายๆ


วัดระยะและติดตะขอไว้แขวนโมบายถ้วยกาแฟ(ถ้วยน้อยไปหน่อย 555 งบเริ่มหมด เดียวค่อยเพิ่มรึเปล่านะ)

แผ่นลามิเนตทางเจ้าของร้านและหุ้นส่วนต้องติดกันเอง เพราะช่างบอกว่าไม่ถนัดเลยให้มาช่วยกันเป็นอีกครังที่แปลกใจมากๆและน่าเห็นใจสุดๆ ในตอนทำผนังช่างเสนอให้ใช้สมาร์ทบอร์ดลายไม้แล้วทาสี แต่จากที่ช่างทาสีเคลือบชั้นไม้แล้วบอกว่าสวย จึงปัดความหวังดีไปเพราะไม่เข้ากับร้าน แต่ไม่คาดว่าจะเจอแบบนี้ 
ตอนสั่งซื้อลามิเนต(ในจังหวัดราชบุรี)ร้านบอกว่าเค้าไม่นิยมใช้ ชอบใช้สมาร์ทบอร์ดลายไม้ ได้ยินถึงกับบางอ้อ  เหตุผลเป็นอย่างนี้เอง ช่างจึงไม่เคยคิดจะติดลามิเนต(แล้วที่เราเคยๆเห็นกัน  มันมาจากไหนนะ? และใครนิยมแล้วติดให้?)

และเมื่อเสร็จเตรียมเปิดร้าน

โต๊ะเก้าอี้เปลี่ยนจากของอิเกีย ไปใช้แบบร้านทั่วไปแทนเพราะถูกกว่า


จะเห็นว่าผนังเป็นคลื่นจากการติดแผ่นMDF  

ชั้นไม้มีกล่องสีขาวจะจัดวางจังหวะยังไงก็ได้ตามแต่เจ้าของร้าน มีหน้าที่สร้างจุดเด่นให้สินค้าเสริม หรือของตกแต่งเล็กๆ(สีชั้นไม้ดูยังไงก็ไม่เข้ากับร้านเลย) ส่วนเคาน์เตอร์บาร์ทางร้านเอาแบบเก่าให้ช่างทำเลยเตี้ยไปนิดนึง(เป็นความผิดพลาดตอนทำแบบเพราะของเก่าทำมาให้พอดีเก้าอี้บาร์อิเกียซึ่งไม่ได้สูงมาก พอแก้ไขแบบให้ได้มาตรฐาน จึงเข้าใจผิดและสลับแบบกัน)

ฝ้าซ่อนไฟก็ปัญหาเดียวกับผนังซ่อนไฟ คือ อ่านแบบไม่ละเอียดและไม่แก้ให้(ค่าใช้จ่ายต้องเพิ่ม)

เดียวเทียบก่อนทำ-หลังทำ ครับว่าเปลี่ยนเยอะไหม

**งบประมาณประมาณ เกือบๆ สามแสนบาท(จริงๆมีงานส่วนอื่นๆเช่น ครัวหลังตึก และรีโนเวททั้งตึก เลยประมาณงบไม่แน่นอน)
***มีปัญหาหลายจุดเช่น 
1.แบบหลุดในบางจุด เช่น เคาน์เตอร์กาแฟ ขนาดต้องเปลี่ยนหน้างาน ความสูงบาร์คลาดเคลื่อนจากแบบแก้ไข แสงไฟที่เข้าใจไม่ตรงกัน ระแนงไม้หน้าร้านที่แบบละเอียดไม่พอ
2.ช่างไม่ทำตามแบบ แต่ทำตามใจฉัน เหตุเพราะราคาความคุ้มค่า?(ของช่าง)และความไม่ชํานาญเชิงช่าง จริงๆแก้ได้เมื่อเห็นแบบและภาพจำลอง ถ้าไม่คุ้มทำไม่ได้ จะได้ปรับดีไซน์ก่อนลงมือตกแต่งหรืออาจจะต้องหาผู้รับเหมารายไหม่
3.การควบคุมงบประมาณ ทำงานไม่เป็นระบบ ทำให้งบบานปลาย 
ถ้ามีการพูดคุย ให้ทุกฝ่ายๆได้เข้าใจและปรับให้ลงตัวก่อนการตกแต่ง งานจะเป็นปัญหาน้อยลงมาก